
สิ่งที่ลูกหนี้ต้องรู้! ก่อนตกลงทำ ‘สัญญากู้ยืมเงิน’
สิ่งที่ลูกหนี้ต้องรู้! ก่อนตกลงทำ ‘สัญญากู้ยืมเงิน’
หลายๆท่านคงจะเคยเจอปัญหาด้านการเงินยิ่งเป็นยุคสมัยนี้ที่ค่าใช้จ่ายต่างๆ มูลค่าค่อนข้างสูง บางท่านก็แก้ปัญหาด้วยการหยิบยืมจากเพื่อนพี่น้อง หรือสถาบันการเงินต่างๆ แต่การกู้เงินไม่ใช่แค่การได้เงินมาแล้วจ่ายคืน ไม่ใช่เพียงได้เงินมาแล้วจ่ายคืน เพราะยังมีรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่ผู้กู้ควรรู้ก่อนทำการกู้ยืม แล้วรายละเอียดเหล่านั้น มีอะไรบ้าง ไปดูกันค่ะ
กฎหมายการกู้ยืมเงิน
- กู้ยืมเงินเกิน 2,000 บาทขึ้นไป ต้องมีสัญญาการกู้ยืมเงินเป็นลายลักษณ์อักษร และต้องมีลายเซ็นผู้กู้ในสัญญา หากไม่มีหลักฐานหรือสัญญา จะไม่สามารถฟ้องร้องบังคับคดีได้ แม้ว่าหนี้นั้นจะชอบด้วยกฎหมายก็ตาม
- อัตราดอกเบี้ยการกู้ยืมห้ามเกิน 15% ต่อปี ถ้าหากกำหนดอัตราดอกเบี้ยเกิน ระวังโทษ จำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 2 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
- อายุความของคดีกู้ยืมเงิน หากมีการผิดสัญญาชำระเงิน ต้องฟ้องภายในระยะเวลา 10 ปี แต่ถ้ามีข้อตกลงชำระผ่อนทุนคืนเป็นงวด ๆ มีอายุความ 5 ปี (ผ่อนลดต้นและดอกเบี้ย)
สิ่งที่ต้องมีอยู่ในสัญญากู้ยืมเงิน
สัญญากู้ยืมเงินหรือหลักฐานการกู้ยืมจะอยู่ในรูปของหนังสือ จดหมาย หรือเอกสารใดๆ ที่เขียนขึ้นเอง หรือจะอยู่ในรูปของแบบฟอร์มทางการก็้ได้ แต่จำเป็นต้องมีองค์ประกอบในสัญญา ดังนี้
- วันที่ทำสัญญากู้เงิน
- ชื่อผู้กู้, ชื่อผู้ให้กู้
- จำนวนเงินที่กู้
- กำหนดการชำระคืน
- ดอกเบี้ยต่อเดือน/ต่อปี (ถ้ามี)
- ลายเซ็นต์ผู้กู้
- ลายเซ็นต์ผู้ให้กู้ (มีหรือไม่มีก็ได้)
วิธีทำสัญญากู้เงิน
- ประกันด้วยตัวบุคคล
คือ มีผู้ค้ำประกัน การค้ำประกันคือการที่คนอื่นที่ไม่ใช่ผู้กู้ยอมเอาตนเข้าประกันหนี้เงินกู้ หากลูกหนี้ไม่ยอมชำระหนี้ผู้ค้ำประกันจะยอมชำระหนี้แทน ผู้ให้กู้ก็สามารถเรียกให้ผู้ค้ำประกันชำระหนี้ได้ การทำสัญญาค้ำประกันนั้นก็ง่ายๆ แค่มีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อผู้ค้ำประกันไว้ก็เพียงพอ
- ประกันด้วยทรัพย์
คือ จำนอง คือการประกันด้วยทรัพย์สินไม่ว่าทรัพย์สินของผู้จำนองหรือทรัพย์สินของผู้อื่น หากลูกหนี้ไม่ยอมชำระหนี้ก็สามารถนำทรัพย์จำนองนั้นไปขายทอดตลาดเพื่อบังคับจำนองเอาเงินมาชำระหนี้กู้ยืมเงินได้ สำหรับสัญญาจำนองนั้นต้องจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่
- เมื่อครบกำหนดคืนเงินแล้วผู้กู้ไม่ยอมคืนเงินจะทำอย่างไร
เมื่อผู้กู้ไม่ยอมคืนเงินตามที่กำหนดไว้ผู้ให้กู้สามารถทวงถามได้โดยการบอกกล่าวทวงถาม (โดยทำเป็นหนังสือบอกกล่าวทวงถาม หรือตามภาษาที่ทนายเรียกกันติดปากว่า โนติส (Notice)) ให้ผู้กู้คืนเงินโดยการทำหนังสือบอกกล่าวทวงถามกำหนดระยะเวลาพอสมควรให้ผู้กู้คืนเงิน เช่น ระยะเวลา 15วัน , 30 วัน หรือ 1 เดือน หากผู้กู้ไม่ยอมคืนย่อมถือว่าผิดนัดสามารถฟ้องคดีต่อเพื่อให้ศาลบังคับตามสัญญาต่อไป
ข้อควรระวังเกี่ยวกับการกู้ยืมเงิน
- ตรวจสอบจำนวนเงิน, อัตราดอกเบี้ย และทำความเข้าใจเนื้อหาในสัญญาก่อนเซ็นสัญญาทุกครั้ง
- ห้ามลงลายมือชื่อในกระดาษเปล่าเด็ดขาด หรือสัญญาที่มีการเว้นเว้นช่องว่างผิดปกติ
- ไม่ควรนำโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับการทำประโยชน์ในที่ดิน ไปให้เจ้าหนี้ยึดถือไว้เป็นหลักประกันการกู้ยืมเงิน
- สัญญาต้องทำอย่างน้อย 2 ฉบับ โดยให้ผู้กู้ยืมถือไว้ด้วย 1 ฉบับ
- ในสัญญาควรมีลายเซ็นพยานฝ่ายผู้กู้ยืมอย่างน้อย 1 คน
- การชำระหนี้ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน ต้องขอรับใบเสร็จรับเงินหรือหลักฐานการรับเงินซึ่งมีลายมือชื่อผู้ให้กู้ยืมลงกำกับด้วยทุกครั้ง เพื่อเป็นหลักฐานยืนยันว่าได้ชำระหนี้แล้ว
- เมื่อชำระหนี้ทั้งหมดควรขอสัญญากู้คืนจากผู้ให้กู้ยืม